วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554

โมโตโร่ กระเบนจากอเมริกาใต้ เพาะพันธุ์ได้ง่าย

โมโตโร่ กระเบนจากอเมริกาใต้ เพาะพันธุ์ได้ง่าย สร้างความสุขและรายได้ของ การุณย์ ลาภวรชัย


"โม โตโร่ " เป็นปลากระเบนสายพันธุ์ต่างประเทศอีกชนิดหนึ่งที่ผู้อยู่ในแวดวงปลาสวย งามอยากเป็นเจ้าของ ด้วยว่า ความสวย และแปลก ไม่เหมือนกับปลากระเบนไทย

แท้ จริงปลากระเบนที่นำเข้ามามีอยู่ 6-7 ชนิด อาทิ โพโกดอต (ดำจุดขาว) Potamotrygon leopoldi ไทเกอร์ Potamotrygon sp. จากัวร์ Potamotrygon sp. และแอปเปิ้ล Disceus aiereba เป็นต้น แต่ไม่นิยมแพร่หลายมากนัก เนื่องจากมีราคาแพงตั้งแต่หลักหมื่นถึงแสนบาทต่อตัว ยกเว้นพันธุ์โมโตโร่ Potamotrygon motoro ที่มีซื้อขายกันค่อนข้างถูก คือหลักพัน และขยายพันธุ์ออกลูกได้ดี ทำให้สามารถพัฒนาเป็นการค้าอย่างไม่ลำบากนัก

มิแปลกที่ปัจจุบันนี้ปลากระเบนโมโตโร่พบเห็นได้ตามร้านจำหน่ายปลาสวยงาม และฟาร์มเลี้ยงปลาชั้นนำทั่วๆ ไป

กล่าว สำหรับพันธุ์ปลากระเบนสวยๆ เกือบทั้งหมด ส่วนใหญ่มาจากแถวอเมริกาใต้ เข้าสู่เมืองไทยเมื่อ 6-7 ปีก่อน โดยกลุ่มผู้นิยมเลี้ยงสัตว์แปลกๆ นำเข้ามา

จุด ประสงค์ช่วงแรกๆ เพื่อเลี้ยงไว้ดูเล่น และประดับบารมี ต่อมาได้พัฒนาเป็นปลาเศรษฐกิจ เนื่องจากบางชนิดสามารถเพาะขยายพันธุ์ได้ง่าย โดยเฉพาะปลากระเบนพันธุ์โมโตโร่

ลักษณะทั่วไปของปลากระเบนดังกล่าว คล้ายๆ กับปลาไทย จะแตกต่างตรงที่บนลำตัวส่วนบนจะมีสีสัน และจุดเล็ก-ใหญ่ กระจายไปทั่ว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละสายพันธุ์ อย่างเช่น

พันธุ์โพโกดอต มีลักษณะเหมือนจานวงกลม มีหาง พื้นของลำตัวจะเป็นสีดำทั้งตัวจรดหางและจะมีจุดสีขาวขึ้นกระจายอยู่ทั่วไป

พันธุ์ ไทเกอร์ ลำตัวเป็นสีเหลือง มีลวดลายเป็นสีดำทั้งตัวและหาง คล้ายกับเสือโคร่งหรือเสือลายพาดกลอน จึงได้รับฉายาว่า กระเบนไทเกอร์

พันธุ์ จากัวร์ ลำตัวกลมมีหางยาวประมาณ 1 ฟุต พื้นผิวเป็นสีน้ำตาลเข้มและอ่อน แตกต่างกันไปตามธรรมชาติ มีจุดสีเหลืองทั้งเล็กและใหญ่กระจายไปทั่วลำตัว คล้ายกับลายของเสือดาวจึงเป็นที่มาของชื่อ กระเบนจากัวร์

พันธุ์แอปเปิ้ล ลักษณะลำตัวคล้ายผลแอปเปิ้ลที่ผ่าครึ่ง ส่วนหางจะเหมือนกับก้านผลแอปเปิ้ล จึงเป็นที่มาของชื่อดังกล่าว

สำหรับ พันธุ์โมโตโร่นั้น สีของลำตัวเป็นสีน้ำตาลอ่อนและเข้ม มีจุดวงกลมเป็นสีส้มขึ้นกระจายทั้งตัว ซึ่งคงความสวยและเด่น ไม่แตกจากพันธุ์อื่นๆ มากนัก



รู้จักการุณย์ ลาภวรชัย มือใหม่หัดเลี้ยงปลากระเบนโมโตโร่จนประสบความสำเร็จ

การุณย์ ลาภวรชัย หรือชื่อเล่นว่า "กอล์ฟ" อยู่บ้านเลขที่ 120/62 ซอยจอมทอง 8 ตำบลบางค้อ อำเภอบางขุนเทียน กรุงเทพฯ โทร. (01) 875-3768

คุณกอล์ฟ เป็นเด็กหนุ่มที่เกิดในครอบครัวฐานะปานกลาง พ่อแม่ทำธุรกิจด้านงานช่างกลึง ในอาคารพาณิชย์ 2 คูหา เขาชอบเลี้ยงปลาสวยงามมาตั้งแต่วัยเด็กๆ ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน ซึ่งส่วนใหญ่มีจุดประสงค์การเลี้ยง เพื่อดูเล่นเท่านั้น

"ที่ผ่านมาผมไม่ค่อยคิดว่าทำเป็นธุรกิจหรอก เพียงดูเล่นอย่างเดียว เพราะว่าผมทำอาชีพหลักคือช่วยพ่อแม่ทำงาน และขายสินค้าประดับยนต์ แต่ตอนนี้ความคิดกำลังจะเปลี่ยนใหม่แล้ว คือเพาะเลี้ยงปลาเป็นงานหลัก ส่วนธุรกิจอื่นๆ เป็นอาชีพรอง เนื่องจากผมทดลองเลี้ยงปลากระเบนสายพันธุ์โมโตโร่ และประสบการณ์ความสำเร็จทั้งการเลี้ยงและขยายพันธุ์ รวมทั้งอนุบาลลูกปลา ที่สำคัญตลาดมีความต้องการปลาชนิดนี้มาก จึงทำให้เปลี่ยนใจ จากเลี้ยงเพื่อดูเล่นเป็นการค้าแล้ว ซึ่งที่ผ่านมามีลูกค้าสนใจมากเลย" คุณกอล์ฟ เล่าถึงจุดเปลี่ยนแปลงของงานที่ทำ

พร้อมกับบอกย้ำว่า เหตุที่ปลาชนิดนี้เป็นที่สนใจก็เพราะว่าความสวย และแปลก อย่างไรก็ตาม บนความสวยและเสน่ห์ของปลากระเบน ก็มีอันตรายแฝงอยู่ นั่นก็คือ บริเวณโค่นหางของปลาชนิดนี้จะมีเงี่ยงพิษอยู่ ถ้าโดนเข้าจังๆ ต้องไปพบแพทย์ เพื่อฉีดยาบรรเทาความเจ็บปวด โปรดระมัดระวังในการเลี้ยงด้วย

"ปลา ชนิดนี้ตลาดเปิดกว้างมาก มีลูกค้าติดต่อเข้ามาตลอด จนผลิตไม่ทัน เนื่องจากปลาชนิดนี้คลอดลูกเป็นตัว แต่ละแม่ให้ผลผลิตเพียง 3-12 ตัว เท่านั้น ไม่เหมือนสัตว์น้ำหรือปลาสวยงามชนิดอื่นๆ ที่ออกไข่และลูกแต่ละครั้ง เป็นร้อยและพันๆ ตัว จนทำให้ล้นตลาด ส่งผลให้ราคาร่วงหล่น จนแทบจะไม่มีกำไรเลย ผิดกับปลากระเบนโดยสิ้นเชิงเลยทีเดียว"

"จริงๆ แล้ว ผมอยากเลี้ยงหลากหลายสายพันธุ์อยู่เหมือนกัน แต่ไม่อยากลงทุนมากนัก อีกอย่างหนึ่งต้องการหาประสบการณ์สักระยะหนึ่งด้วย เพราะว่าปลาชนิดนี้ราคาแพง และไม่อยากให้มันสูญเสีย และคิดว่า เร็วๆ นี้ ผมจะขยายฟาร์มเลี้ยงให้มากขึ้น เนื่องจากสามารถจำหน่ายลูกปลาได้จำนวนหนึ่งแล้ว พอมีทุนขยายฟาร์มได้แล้ว" คุณกอล์ฟ กล่าว

ขณะนี้เขามีปลาแม่พันธุ์อยู่ 14 ตัว พ่อพันธุ์อีก 2 ตัว และลูกปลาอีกหลายสิบตัว

เขา เริ่มเลี้ยงปลากระเบนอย่างจริงจังเมื่อปี 2546 โดยเริ่มจากเพียง 3-4 ตัว จากนั้นก็ซื้อเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ เพื่อสะสมเป็นพ่อแม่พันธุ์

"ผม ซื้อพันธุ์ปลามาจากเพื่อนๆ ซึ่งเราสามารถคัดเลือกปลาได้ตามอำเภอใจ ตัวไหนไม่สวยหรือมีตำหนิ หรือสุขภาพไม่แข็งแรง เราไม่เอา คัดเลือกเฉพาะตัวดีๆ มาทั้งนั้น อายุตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 1 ปี เพื่อเก็บไว้เป็นพ่อแม่พันธุ์"

ปลาอายุครบ 1 ปีครึ่งก็เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์แล้ว และทุกๆ 3-4 เดือน จะคลอดลูก 1 ครั้ง แต่ละครั้ง 3-10 ตัว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสุขภาพและอายุของแม่ปลาเป็นหลัก



เลี้ยงพ่อแม่พันธุ์

อยู่บนชั้น 3 อาคารพาณิชย์

บ่อ เลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ปลากระเบนของคุณกอล์ฟ ไม่เหมือนกับฟาร์มอื่นๆ ด้วยว่าเขาไม่มีสถานที่หรือที่ดินว่างสำหรับสร้างบ่อเลี้ยงปลาเลย เนื่องจากบ้านพักอาศัยของเขาเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น 2 คูหา พื้นที่ว่างแทบจะไม่มี แต่มิใช่ว่าเป็นอุปสรรคในการเลี้ยงปลาเลย

"ผม รักอาชีพนี้ ทำให้ผมคิดอยู่หลายวันว่า จะหาสถานที่ไหนเลี้ยงปลา สุดท้ายก็ขออนุญาตพ่อแม่ว่า ขอพื้นที่ว่างชั้น 3 และชั้นดาดฟ้า เลี้ยงพ่อแม่ปลาและอนุบาลลูกปลา"

ชั้น 3 กลายเป็นบ่อเลี้ยงพ่อแม่ปลา โดยสร้างบ่อขนาดความกว้าง 3.5 เมตร ยาว 7 เมตร ลึก .40 เมตร

"ทั่วๆ ไปเลี้ยงปลากระเบนต้องมีระดับน้ำลึกอย่างน้อย 80 เซนติเมตร แต่ฟาร์มของผมนั้นมีปัญหาด้านสถานที่ จึงเลี้ยงในระดับน้ำสูงไม่ได้ แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรมาก เพราะว่าเราเลี้ยงภายในอาคาร ทำให้สามารถควบคุณอุณหภูมิไม่ให้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ ส่งผลให้ปลาสุขภาพดีเหมือนกัน"

ส่วนบ่ออนุบาลของเขานั้นเขาสร้างบน ดาดฟ้ามีทั้งบ่อปูนซีเมนต์และบ่อไฟเบอร์ ซึ่งขนาดเท่าๆ กัน คือ ความกว้าง 1 เมตร ยาว 1.50 เมตร สูง .30 เมตร

ภายในบ่อทุกๆ บ่อประกอบด้วย ท่อออกซิเจน และถังกรองน้ำ ทั้งนี้เพื่อควบคุมคุณภาพน้ำให้สะอาดอยู่เสมอ

"ภาชนะ ที่ใช้กรองน้ำนี้ เราจะซื้อถังพลาสติคดัดแปลง โดยเจาะน้ำเข้าและออก ภายในถังจะใส่เปลือกหอยนางรม และใยแก้ว เพื่อกรองน้ำให้ใสและเป็นที่อยู่อาศัยของจุลินทรีย์ด้วย เราจะไม่ล้างถัง ยกเว้นใยแก้วเท่านั้นที่ต้องนำออกมาล้างทำความสะอาด 1-2 ครั้ง ต่ออาทิตย์ ส่วนอื่นๆ จะปล่อยให้ธรรมชาติจัดการกันเอง"

ทุกๆ 2 วัน เขาจะเปิดน้ำใหม่ไล่น้ำเก่าออกทิ้ง 10 เปอร์เซ็นต์ เพื่อต้องการให้สภาพน้ำมีคุณภาพอยู่ตลอด

"ผมเลี้ยงปลากระเบนแบบง่ายๆ ไม่มีกฎเกณฑ์หรือวิชาการมากมาย มันก็รอดชีวิต แถมออกลูกให้เราด้วย ผมพอใจจุดนี้มากแล้ว" คุณกอล์ฟ กล่าว



เลี้ยงพ่อแม่ปลา ต้องให้อาหารกินเต็มที่

พ่อ แม่พันธุ์ปลากระเบนที่เขาเลี้ยงไว้ในบ่อนั้นจะเลี้ยงร่วมกับปลาตะเพียนและ ปลานิล ทั้งนี้เพื่อช่วยทำความสะอาดบ่อ คอยเก็บกินเศษอาหารเหลือหรือขี้ตะกอนอื่นๆ ด้วย

"ปลานิลและปลา ตะเพียนนี้ ผมเอาไว้จำนวนเล็กน้อย เพียง 20-30 ตัว เท่านั้น ซึ่งลูกปลาพวกนี้เมื่อออกมาหรือตัวไหนอ่อนแอ ก็จะกลายเป็นอาหารปลากระเบนทันที เนื่องจากเป็นปลากินเนื้อ ชอบกินเนื้อปลา กุ้งฝอย และไส้เดือนแดงด้วย"

คุณกอล์ฟ บอกว่า จริงๆ แล้ว ฟาร์มใหญ่ๆ เขาจะเลี้ยงปลามังกรแทน เนื่องจากปลากระเบนเป็นปลาหาอาหารกินตามพื้นดิน ส่วนปลามังกรหากินผิวน้ำ ซึ่งจะไม่แย่งอาหารและทำร้ายกัน

"แต่ที่ ฟาร์มผม ใช้หลักการง่ายๆ และชอบทดลองสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ จึงนำปลาตะเพียนกับปลานิลมาเลี้ยง และพบว่ามีผลดีมากกว่าผลเสีย เพราะว่าทำให้บ่อน้ำสะอาดอยู่ตลอดเวลา"

แม้ว่ามีลูกปลานิลและปลา ตะเพียนให้ปลากระเบนจับกินเองตามธรรมชาติ แต่ก็ไม่เพียงพอกับความต้องการ คุณกอล์ฟจะซื้อกุ้งฝอยหรือเนื้อปลาแช่แข็งมาสับๆ ให้กินเพิ่มอีก 1 กิโลกรัม โดยแบ่งช่วงเช้า ครึ่งกิโลกรัม และที่เหลือจะเป็นช่วงเย็นต่อไป

อย่าง ไรก็ตาม หากเป็นช่วงที่แม่ปลากำลังตั้งท้องอยู่คุณกอล์ฟจะซื้อกุ้งฝอยหรือเนื้อปลา แช่แข็งให้กินอย่างเต็มที่ โดยเพิ่มปริมาณเป็น 1 เท่าตัว ทั้งนี้ เนื่องจากแม่ปลาต้องการอาหารเข้าไปบำรุงร่างกายและลูกในท้องด้วย



คลอดลูกก็ผสมพันธุ์ทันที

ก่อน คลอดลูก 1-2 วัน แม่ปลาจะมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง คือแสดงอาการกระวนกระวาย และไม่ยอมกินอาหาร ช่วงนี้คุณกอล์ฟจะเข้าดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงเช้าตรู่ เพื่อคอยช้อนลูกปลานำไปอนุบาลต่อ

"โดยปกติแม่ ปลาจะคลอดลูกช่วงหลังอาทิตย์ตกดิน หรือประมาณ 2-3 ทุ่ม ลูกปลาจะทยอยออกมาทีละตัว และส่วนใหญ่จะว่ายน้ำไปหลบภัยอยู่บริเวณมุมบ่อ เพื่อป้องกันปลาตัวใหญ่ทับหรือเข้าไปทำร้าย"

คุณกอล์ฟ เล่าว่าในขณะที่แม่ปลากำลังคลอดลูกอยู่นั้นมันจะมีกลิ่นหรือหรือฮอร์โมน เพศออกมาด้วย เพื่อดึงดูดให้ปลาเพศผู้เข้ามาผสมพันธุ์ในค่ำคืนดังกล่าว

"ปลา กระเบนมันแปลกมากเลย คลอดลูกก็ผสมพันธุ์กันเลย โดยพ่อปลาเข้าคลอเคลียและปล่อยน้ำเชื้อเข้าไป ตั้งท้อง 3-4 เดือน มันก็คลอดลูกชุดใหม่แล้ว" คุณกอล์ฟ กล่าว

รุ่งเช้าหลังจากจับลูกปลา แล้ว เขาจะเปิดท่อน้ำทิ้งออกเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากสภาพน้ำในบ่อขุ่น อันสาเหตุมาจากน้ำเชื้อของพ่อปลาช่วงผสมพันธุ์กับแม่ปลานั่นเอง



อนุบาลลูกปลากระเบน

ระดับน้ำที่ใช้อนุบาลลูกปลาครั้งแรกสูงประมาณ 9 นิ้ว เท่านั้น และแต่ละบ่อสามารถเลี้ยงปลาได้ไม่เกิน 20 ตัว

ใน การอนุบาลลูกปลา 1 เดือนแรก จะไม่มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำเลย เพียงแต่คอยดูดขี้ตะกอนออกทิ้งเสียบ้าง หลังจาก 1 เดือนขึ้นไป ก็จะเลี้ยงเหมือนพ่อแม่พันธุ์ คือเปลี่ยนถ่ายน้ำ 2 วัน ต่อครั้ง

"น้ำ ที่เราใช้เลี้ยงปลากระเบนหรืออนุบาลนั้น จะเป็นน้ำประปาทั้งนั้น ซึ่งสะอาดมาก เพราะว่ามีคลอรีนช่วยฆ่าเชื้อโรคอยู่แล้ว ซึ่งในการนำน้ำมาใช้แต่ละครั้ง จะไม่กรองหรือพักน้ำไว้เลย เพียงแต่ก่อนปล่อยปลาหรืออนุบาลลูกปลาครั้งแรก ต้องทิ้งไว้ในบ่อประมาณ 1 คืน เพื่อให้คลอรีนระเหยออกไป ส่วนในช่วงระหว่างเลี้ยงหรืออนุบาลไม่จำเป็นต้องพักน้ำอีกแล้ว เนื่องจากตลอดระยะการเลี้ยงจะถ่ายน้ำออกทิ้งและเข้าครั้งละ 10 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น (ยกเว้นช่วงผสมพันธุ์อาจจะมากหน่อย) ซึ่งทำให้คลอรีนที่อยู่ในน้ำน้อย ไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพของปลาเลย"

ลูกปลาอายุ 1-7 วัน เขาจะไม่ให้อาหาร เพียงแต่ปล่อยให้น้ำหมุนเวียนผ่านถังกรองเท่านั้น

เมื่ออายุลูกปลาได้ 7 วัน หรือถุงไข่แดงที่หน้าท้องยุบ เขาก็เริ่มปล่อยกุ้งฝอยตัวเป็นๆ ลงไป เพื่อให้ลูกปลาไล่กินเป็นอาหาร

นอกจากนี้ ทุกๆ 3-4 วัน เขาจะซื้อไส้เดือนแดงมาให้ลูกปลากินเป็นอาหารเสริมด้วย

"ไส้เดือนแดงนี้ ถ้าเราให้กินทุกวัน สภาพน้ำในบ่ออาจจะเน่าเสียเร็ว และทำให้ลูกปลามีโรคภัยมาเยือนได้เหมือนกัน" คุณกอล์ฟ กล่าว

1 เดือน ผ่านไป ลูกปลาก็จะแข็งแรงมาก และมีความเจริญเติบโตเร็ว โดยเฉลี่ย 25 เปอร์เซ็นต์ หรือมีเส้นผ่านศูนย์กลางของลำตัวเพิ่มขึ้นอีก 1 นิ้ว

"ลูก ปลาที่คลอดออกมาหรืออายุ 1 วัน จะมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 3-6 นิ้ว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์และอายุของแม่ปลา แต่ไม่ว่าขนาดไหนเมื่อเลี้ยงครบ 1 เดือน มันจะโตเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยเพียง 1 นิ้วเท่านั้น และจะเจริญเติบโตไปเรื่อยๆ 1-2 นิ้ว ต่อเดือน" คุณกอล์ฟ กล่าว

ปัจจุบันนี้ คุณกอล์ฟ จำหน่ายลูกปลาอายุ 1 เดือน หรือมีเส้นผ่าศูนย์กลางของลำตัว 4-5 นิ้ว เพียง 1,500-2,000 บาท เท่านั้น

"ผม จะไม่ขายลูกปลาที่อายุไม่ครบเดือน เพราะว่าอยู่ในช่วงอันตรายอยู่ คือยังไม่แข็งแรง ถ้าซื้อไปดูแลไม่ดี หรือสภาพแวดล้อมแตกต่างกัน อาจจะทำให้เกิดความสูญเสียได้" คุณกอล์ฟ กล่าว

ทุกวันนี้ แม้ว่าเขายุ่งและเครียดกับงานหลัก แต่ก็มีความสุขกับงานเสริม ด้วยว่าชอบและรัก แถมมีรายได้ดี...อีกไม่นานเขาบอกย้ำว่า จะกลายเป็นอาชีพหลักแล้ว

ศุภชัย นิลวานิช
ที่มา  เทคโนโลยีชาวบ้าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น